เด็กฟันโยกต้องเอาออกเองหรือไม่? รับมืออย่างไรดี?
Posted: 21 February , 2022คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังกลุ้มใจกับปัญหาเด็กฟันโยกอาจมีข้อสงสัยว่าควรเอาฟันออกเองดีหรือไม่? หรือควรปล่อยไว้ให้หลุดออกเอง วันนี้ Homey Dental Clinic จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับปัญหาฟันโยกในเด็กเพื่อการรับมือที่ถูกวิธีและไม่ทำให้ลูกน้อยต้องฝังใจกับฟันโยกจนเกิดปัญหาละเลยสุขภาพฟันในที่สุด
ฟันโยกเกิดจากอะไร
ฟันโยกเป็นภาวะที่ฟันเริ่มเคลื่อนตัวเพื่อหลุดออกจากเหงือกทีละเล็กละน้อยจนสามารถโยกไปมาและหลุดออกเองได้ อาจมีปัจจัยที่ทำให้หลุดเองจากการรับประทานอาหาร การแปรงฟัน การขัดฟัน หรือการสัมผัสเบาๆ เท่านั้น
ปัญหาตามมาจากอาการฟันโยก
- เหงือกร่น
- เหงือกบวมจนมีสีแดงสด
- เลือดออกตามไรฟัน
- เจ็บฟันเวลากัดฟัน
สาเหตุที่ทำให้เด็กฟันโยก
1. ฟันโยกเองตามวัย
เมื่อฟันแท้เริ่มขึ้นแทนที่ฟันน้ำนม ฟันจะโยกเพื่อหลุดออกเองตามธรรมชาติ
รักษาฟันน้ำนมให้อยู่ได้นานกว่าที่เคยด้วยการอุดฟันน้ำนม
2. พฤติกรรมที่ทำโดยความเคยชิน
เช่น การกัดฟันบ่อยๆ ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจโดยเฉพาะเวลานอน อาจทำให้ปวดตามใบหน้า หรือศีรษะตามมา
3. เป็นโรคปริทันต์
เกิดจากเหงือกติดเชื้อแบคทีเรียที่เหงือกลามไปถึงเนื้อเยื่อและกระดูกบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเกิดจากการดูแลสุขภาพช่องปากไม่เพียงพอ
4. อุบัติเหตุหรือการเล่นกีฬา
เกิดจากฟันหรือใบหน้าได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงแต่ฟันก็ยังไม่หลุดออก
วิธีการรักษาอาการฟันโยก
1. หากไม่มีอาการแทรกซ้อน
กรณีที่ไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ สามารถปล่อยให้ฟันหลุดเองตามธรรมชาติ หากเอาฟันที่โยกออกเร็วเกินไปอาจทำให้เจ็บปวดและเสี่ยงต่อเหงือกติดเชื้อได้ด้วย
2. ฟันโยกจากการกัดฟัน
- ทันตแพทย์จะตัดแต่งผิวเคลือบฟัน เพื่อลดแรงกดจากการกัดฟันจนทำให้ฟันโยก
- ใส่ฟันยางครอบฟันไว้ขณะนอนหลับ เพื่อป้องกันการกัดฟันโดยไม่รู้ตัว
3. ฟันโยกจากโรคปริทันต์
- โดยทั่วไปทันตแพทย์อาจจ่ายยาเพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยใช้ยาพาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟนเพื่อลดอาการปวด
- ขูดหินปูนเพื่อขัดเอาแบคทีเรียที่เกาะเป็นคราบปูนตามซอกฟัน
- เกลารากฟัน ทันตแพทย์จะทำความสะอาดลึกลงไปยังรากฟันที่อยู่ในเหงือก โดยต้องใช้ยาชาเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกปวดขณะเกลารากฟัน
- หากฟันที่โยกยังไม่หลุดออกมา ทันตแพทย์อาจใส่เฝือกฟันยึดกับฟันซี่ข้าง ๆ เพื่อช่วยไม่ให้ฟันที่โยกนั้นหลุดออก
- หากมีอาการฟันโยกรุนแรง อาจต้องถอนฟันซี่นั้นออกแล้วรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียม โดยทันตแพทย์จะถอนซี่ที่โยกออกและใส่สะพานฟันมาแทนที่
ป้องกันไม่ให้เด็กฟันโยกได้อย่างไร?
ถึงจะป้องกันไม่ให้ฟันโยกจากธรรมชาติไม่ได้ แต่สามารถป้ัองกันจากสาเหตุอื่นได้ โดยวิธีต่อไปนี้
1. ใส่ฟันยางครอบฟัน
ควรใส่ยางครอบฟันขณะนอนหลับและเล่นกีฬาที่เสี่ยงต่อการปะทะ
2. แปรงฟันให้สะอาดและถูกวิธี
- โดยทั่วไปควรให้เด็กแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือทุกครั้งหลังมื้ออาหาร
- ปรึกษาทันตแพทย์เกี่ยวกับวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องปาก
นอกจากการแปรงฟันอย่างเดียวอาจทำความสะอาดไม่ทั่วถึงซอกฟัน ดังนั้นควรใช้ไหมขัดฟันและน้ำยาบ้วนปากสำหรับเด็กหลังการแปรงฟันทุกครั้ง ทั้งนี้ควรเลือกแปรงสีฟันที่ขนนุ่มและเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3 เดือน และเลือกใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ที่เพียงพอต่อวัยของเด็ก
4. พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน
เพื่อตรวจดูสุขภาพช่องปากเป็นประจำหรือตามนัดของทันตแพทย์ เพื่อดูพัฒนาการและโอกาสเกิดปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับฟันซึ่งอาจเรื้อรังได้ในอนาคต
บทความที่น่าสนใจ
- ปัญหาฟันเกแก้ได้ไหม? ทำไมเด็กถึงเป็นกันเยอะ
- รักษาภาวะฟันเกินก่อนจะสายเกินแก้
- เพิ่มเสน่ห์รอยยิ้มให้สวยด้วยการดูแลฟันเขี้ยวที่ดี
ปรึกษา นัดหมาย หรือสอบถามเพิ่มเติม
คลินิกทันตกรรม Homey Dental Clinic เป็นคลินิกที่มีบริการการดูแลฟันและสุขภาพเหงือกอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการทำฟันแบบป้องกัน เช่น เคลือบฟลูออไรด์ อุดฟัน ขูดหินปูน ขัดฟัน การทำฟันแบบรักษา เช่น ถอนฟัน รักษารากฟัน ฟันเทียม ฟันปลอม ผ่าฟันคุด และการทำฟันเพื่อความงามเช่น จัดฟันโลหะ จัดฟันดามอน จัดฟันแบบใส (invisalign) ทำรีเทนเนอร์ การฟอกสีฟันด้วย Zoom ทุกเคสดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้ยังเป็นคลินิกเฉพาะทางด้านการดูแลสุขภาพฟันเด็กโดยมีทันตแพทย์เด็กที่จบมาโดยเฉพาะถึง 8 ท่าน ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาเด็กกลัวหมอฟัน เพราะที่นี่เน้นการดูแลเด็กอย่างเป็นมิตร บรรยากาศเหมือนอยู่ที่บ้าน ทำให้เด็กสามารถมาหาหมอฟันอย่างมีความสุข เปิดประสบการณ์ใหม่ให้เด็กไม่กลัวการรักษาฟัน