แนะนำวิธีและการใช้น้ำยาบ้วนปากอย่างไรให้ถูกต้อง
Posted: 7 March , 2022หลายคนอาจมีข้อสงสัยหลายอย่างเกี่ยวกับการใช้น้ำยาบ้วนปากว่าเหมาะกับลูกน้อยหรือไม่ ควรใช้ตอนไหนบ้าง หรือควรเลือกส่วนผสมใดที่เหมาะกับช่องปากของเราบ้าง วันนี้ Homey Dental Clinic มีคำตอบครับ
ตอบทุกคำถามเกี่ยวกับการใช้น้ำยาบ้วนปากอย่างไรให้ถูกต้อง
1. ส่วนผสมของน้ำยาบ้วนปากมีอะไรบ้าง?
- ฟลูออไรด์ (Fluoride) ช่วยยับยั้งการผุของผิวเคลือบฟัน ทำให้เคลือบฟันต้านทานต่อกรดได้ดียิ่งขึ้น
- คลอร์เฮกซิดีน (Chlorhexidine) ช่วยต้านคราบจุลินทรีย์และรักษาโรคเหงือกอักเสบทั้งระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับรุนแรง
- เซทิลไพริดิเนียมคลอไรด์ (Cetylpyridinium Chloride) ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียและลดกลิ่นปาก
- น้ำมันหอมระเหย ช่วยต้านแบคทีเรียและดับกลิ่นปากหลังจากบ้วนปากประมาณ 2-3 ชั่วโมง เช่น ไทมอล ยูคาลิปตอล เมนทอล น้ำมันกานพลู
- สารประเภทดีเทอร์เจนต์ ช่วยลดคราบจุลินทรีย์และโรคเหงือกอักเสบ เช่น โซเดียมลอริลซัลเฟต โซเดียมเบนโซเอต
- คาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ (Carbamide peroxide) ใช้สำหรับฟอกสีฟันให้ขาวขึ้น
2. ใช้น้ำยาบ้วนปากแทนการแปรงฟันได้ไหม?
ไม่ได้ครับ เนื่องจากการแปรงฟันสามารถกำจัดเศษอาหารตามซอกฟันและลิ้น แต่น้ำยาบ้วนปากทำได้เพียงฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องปากเท่านั้น ไม่สามารถเอาเศษอาหารออกได้ ดังนั้นจึงไม่ควรใช้การบ้วนปากแทนการแปรงฟัน
.
2. น้ำยาบ้วนปากช่วยดับกลิ่นปากได้หรือไม่?
ได้ครับ แต่ช่วยระงับกลิ่นในระยะสั้นเท่านั้น (ประมาณ 2-3 ชั่วโมง) เนื่องจากน้ำยาบ้วนปากหลายแบรนด์มีน้ำมันหอมระเหยผสมอยู่ด้วย แต่หากต้องการดับกลิ่นปากถาวรก็ควรดูแลสุขภาพช่องปากนอกเหนือจากการใช้น้ำยาบ้วนปากด้วย ได้แก่ การแปรงฟันทุกครั้งหลังมื้ออาหาร การจัดการปัญหาช่องปากอื่นๆ เช่น จัดฟันเกฟันซ้อน ฯลฯ ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้มีเศษอาหารในช่องปากอันเป็นสาเหตุของกลิ่นปากนั่นเอง
.
3. เผลอกลืนน้ำยาบ้วนปากเข้าไป อันตรายหรือไม่?
ขึ้นอยู่กับปริมาณที่กลืนเข้าไปครับ หากกลืนเข้าไปในปริมาณเล็กน้อยอาจไม่มีผลต่อร่างกายแต่อย่างใดเพราะร่างกายสามารถขับถ่ายออกมาได้เอง แต่ถ้ากลืนเข้าไปในปริมาณมากอาจเป็นอันตรายต่อเยื่อเมือกกระเพาะอาหาร ส่งผลให้คลื่นไส้ อาเจียน จนถึงขั้นหมดสติได้ ในเด็กเล็กการกลืนยาสีฟันเข้าไปอาจส่งผลต่อฟันทำให้ฟันตกกระเพราะฟลูออไรด์เกินได้
.
4. ใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อยไป ช่วยให้ช่องปากสะอาดขึ้นกว่าเดิมหรือไม่?
ไม่จริงครับ เพราะในช่องปากของเราไม่ได้มีแค่แบคทีเรียไม่ดีเท่านั้นแต่ยังไม่แบคทีเรียดีรวมอยู่ด้วย หากคุณใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อยไปอาจทำลายเชื้อแบคทีเรียดีจนเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราในช่องปาก ส่งผลให้สีของเคลือบผิวฟันเปลี่ยนแปลง ตุ่มรับรสของลิ้นผิดเพี้ยน หรือเกิดหินน้ำลายง่ายขึ้น
.
5. น้ำยาบ้วนปากเหมาะกับคนทุกวัยหรือไม่
น้ำยาบ้วนปากเหมาะกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป เนื่องจากเด็กที่มีอายุต่ำจากนี้อาจได้รับอันตรายจากการกลืนน้ำยาบ้วนปากเกินขนาด ซึ่งมีส่วนผสมของคลอร์เฮกซิดีน (Chlorhexidine) และเอทิลแอลกอฮอล์ (Ethyl alcohol) ทำให้เด็กคลื่นไส้อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว จนถึงขั้นหมดสติ
.
6. วิธีใช้น้ำยาบ้วนปากที่ถูกต้องควรทำอย่างไร?
โดยทั่วไปสามารถใช้ก่อนและหลังแปรงฟันโดยอมน้ำยาบ้วนปากเอาไว้ในปริมาณ 4-5 ช้อนชา (20 มิลลิลิตร) เป็นเวลา 30-60 วินาที กลั้วให้ทั่วช่องปากจากนั้นค่อยบ้วนทิ้ง
.
7. ใช้น้ำยาบ้วนปากเสร็จแล้วต้องบ้วนน้ำสะอาดตามหรือไม่?
ไม่ควรครับ เนื่องจากน้ำยาบ้วนปากมีสารฟลูออไรต์ที่ช่วยทำความสะอาดช่องปากและทำให้เคลือบฟันแข็งแรง หากบ้วนน้ำสะอาดตามอาจทำให้ประสิทธิภาพของน้ำยาบ้วนปากลดลง ดังนั้นควรบ้วนปากหรือดื่มน้ำตามหลังจากบ้วนปากอย่างน้อย 30 นาที
.
8. บ้วนปากด้วยน้ำยาทันทีหลังแปรงฟันได้หรือไม่?
ไม่จำเป็นครับ เนื่องจากยาสีฟันส่วนใหญ่จะมีสารฟลูออไรด์อยู่แล้ว จึงควรปล่อยให้ฟลูออไรด์ทำงานในช่องปากเราอย่างน้อย 30 นาทีแล้วจึงใช้น้ำยาบ้วนปากต่อ
.
9. น้ำยาบ้วนปากรักษาโรคในช่องปากได้หรือไม่?
ได้ครับ เนื่องจากน้ำยาบ้วนปากบางประเภทผลิตขึ้นมาเพื่อกำจัดแบคทีเรียและคราบจุลินทรีย์ในช่องปาก รวมถึงป้องกันโรคเหงือกอักเสบในระยะเริ่มต้นด้วย
.
10. ยิ่งอมยิ่งแสบปาก แสดงว่ายิ่งฆ่าเชื้อได้ดี จริงหรือไม่?
ไม่จริงครับ เพราะอาการแสบปากขณะกลั้วปากแสดงถึงปริมาณแอลกอฮอล์ที่มากไป ส่งผลให้ระคายเคืองต่อเยื่อบุภายในช่องปาก ผิวฟันบางลง ทำให้รู้สึกเสียวฟันและเกิดแผลในช่องปาก หากร้ายแรงอาจเกิดโรคมะเร็งในช่องปากตามมาด้วย ดังนั้นควรเลือกน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์จะดีที่สุดครับ
บทความที่น่าสนใจ
- สอนลูกแปรงฟันถูกวิธี มีชัยไปกว่าครึ่ง
- ลูกไม่ยอมแปรงฟันทำอย่างไรดี?
- เคล็ด(ไม่)ลับในการสอนเด็กแปรงฟันให้สะอาดยิ่งขึ้น
ปรึกษา นัดหมาย หรือสอบถามเพิ่มเติม
คลินิกทันตกรรม Homey Dental Clinic เป็นคลินิกที่มีบริการการดูแลฟันและสุขภาพเหงือกอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการทำฟันแบบป้องกัน เช่น เคลือบฟลูออไรด์ อุดฟัน ขูดหินปูน ขัดฟัน การทำฟันแบบรักษา เช่น ถอนฟัน รักษารากฟัน ฟันเทียม ฟันปลอม ผ่าฟันคุด และการทำฟันเพื่อความงามเช่น จัดฟันโลหะ จัดฟันดามอน จัดฟันแบบใส (invisalign) ทำรีเทนเนอร์ การฟอกสีฟันด้วย Zoom ทุกเคสดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้ยังเป็นคลินิกเฉพาะทางด้านการดูแลสุขภาพฟันเด็กโดยมีทันตแพทย์เด็กที่จบมาโดยเฉพาะถึง 8 ท่าน ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาเด็กกลัวหมอฟัน เพราะที่นี่เน้นการดูแลเด็กอย่างเป็นมิตร บรรยากาศเหมือนอยู่ที่บ้าน ทำให้เด็กสามารถมาหาหมอฟันอย่างมีความสุข เปิดประสบการณ์ใหม่ให้เด็กไม่กลัวการรักษาฟัน