อย่าปล่อยให้ปากแห้งเป็นปัญหาเรื้อรังจนทำให้ฟันผุ
Posted: 1 March , 2022อาการปากแห้งเป็นหนึ่งในปัญหาที่ทุกคนต้องเจอและคิดว่าแค่ทาลิปมันอย่างเดียวก็ดีขึ้น แต่ที่จริงแล้วภาวะปากแห้งอาจนำมาสู่ปัญหาสุขภาพฟันอื่นๆ ตามมาหากไม่ดูแลรักษาให้ตรงจุด วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักและแนะนำวิธีรักษาเพื่อไม่ให้มีปากแห้งมากวนใจคุณอีก
ปากแห้งคืออะไร
เป็นภาวะที่ต่อมน้ำลายไม่ผลิตน้ำลายเพื่อใช้รักษาความชุ่มชื่นในปากได้ดีพอ จนเกิดภาวะขาดน้ำและทำให้ปากแห้งแตกหรือลอกเป็นขุย เวลาดึงขุยออกจะรู้สึกเจ็บบางทีอาจมีเลือดตามออกมาด้วย
ปากแห้งเกิดจากอะไร
- แพ้สารเคมีบางชนิด เช่น สารเคมีจากยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก และอื่นๆ ที่มีส่วนของแอลกอฮอล์และน้ำหอม
- โรคภาวะขาดน้ำ อันเกิดจากร่างกายสูญเสียน้ำในปริมาณมากและขาดเกลือแร่บางชนิดในร่างกาย
- อากาศหนาวเกินไปจนทำให้อากาศดูดความชื้นจากริมฝีปากออกไป หรือถูกความร้อนจากแสงแดดทำลายความยืดหยุ่นของเซลล์ผิวบริเวณริมฝีปาก
- พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เอนไซม์ในน้ำลายทำลายความชุ่มชื้นบนริมฝีปาก เช่น การเลียริมฝีปาก หรือการเม้มปาก
- การขาดสารอาหารบางประเภท เช่น วิตามิน B และ C
- ความผิดปกติของร่างกาย เช่น ภาวะร้อนใน ที่ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น
- ภูมิแพ้ผิวหนัง ทำให้ริมฝีปากอักเสบ
- ยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก
อาการทั่วไปของภาวะปากแห้ง
- รู้สึกเหนียวในช่องปากและปากแห้ง
- ริมฝีปากแตกมีสีแดง
- รู้สึกเจ็บปาก
- ปากร้อน
- คอแห้งง่าย
- ลิ้นแห้งหยาบ
- ลำบากเวลาเคี้ยวอาหารหรือพูด
- ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น
อาการแทรกซ้อนหากปล่อยให้ปากแห้งเป็นเวลานาน
- เกิดแผลในปากง่ายขึ้น
- เป็นโรคเหงือกอักเสบ
- เกิดแผลหรือรอยแตกที่มุมปาก ริมฝีปากแตก
- ต่อมน้ำลายติดเชื้อ
- การติดเชื้อราในช่องปาก
- ใส่ฟันปลอมลำบากขึ้น
อย่าปล่อยให้ปากแห้งนานจนลามไปถึงฟันผุ
ตามธรรมชาติของร่างกายเรามักผลิตน้ำลายเพื่อชะล้างเชื้อแบคทีเรียที่ติดอยู่ตามฟัน หากต่อมผลิตน้ำลายผลิตออกมาไม่เพียงพอหรือได้รับน้ำในช่องปากน้อยเกินไป จะทำให้เชื้อแบคทีเรียจำนวนมากติดสะสมอยู่ตามซอกฟัน ทำปฏิกิริยากับโปรตีนและน้ำตาลจนสร้างกรดทำลายเคลือบฟันขึ้นมา ทำให้ฟันของเราผุง่ายขึ้น นำมาสู่ปัญหาช่องปากอื่นๆ ตามมา
วิธีป้องกันไม่ให้ปากแห้งถามหา
- ทำความสะอาดช่องปากด้วยการแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน และน้ำยาบ้วนปากอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือทุกครั้งหลังอาหารอย่างน้อย 30 นาที
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อให้ผิวหนังและริมฝีปากชุ่มชื่น
- รับประทานอาหารที่มีวิตามิน A B C เช่น ผักใบเขียว ไข่ แคนตาลูป
- เคี้ยวหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของ Xylitol ซึ่งเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล เพื่อกระตุ้นให้ต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายออกมามากขึ้น
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดหรือรสหวาน
- หลีกเลี่ยงการเม้มปากหรือแกะริมฝีปาก
- ใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นของริมฝีปาก เช่น ลิปมัน
- ใช้น้ำลายเทียมในกรณีที่รู้สึกปากแห้งมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของหมอฟันเด็กด้วย
- พบหมอฟันเด็กเป็นประจำทุก 6 เดือน
ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับช่องปากของลูกน้อยเนื่องจากเป็นช่วงวัยที่มีปัญหาสุขภาพฟันได้ง่าย นอกจากวิธีที่แนะนำไปแล้วนั้นควรพาลูกน้อยมาพบหมอฟันเด็กเป็นประจำเพื่อเป็นการดูแลช่องปากตั้งแต่ยังเล็กซึ่งเป็นช่วงที่ดูแลและแก้ปัญหาได้ง่ายกว่าช่วงวัยเองนั่นเองครับ
บทความที่น่าสนใจ
ปรึกษา นัดหมาย หรือสอบถามเพิ่มเติม
คลินิกทันตกรรม Homey Dental Clinic เป็นคลินิกที่มีบริการการดูแลฟันและสุขภาพเหงือกอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการทำฟันแบบป้องกัน เช่น เคลือบฟลูออไรด์ อุดฟัน ขูดหินปูน ขัดฟัน การทำฟันแบบรักษา เช่น ถอนฟัน รักษารากฟัน ฟันเทียม ฟันปลอม ผ่าฟันคุด และการทำฟันเพื่อความงามเช่น จัดฟันโลหะ จัดฟันดามอน จัดฟันแบบใส (invisalign) ทำรีเทนเนอร์ การฟอกสีฟันด้วย Zoom ทุกเคสดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้ยังเป็นคลินิกเฉพาะทางด้านการดูแลสุขภาพฟันเด็กโดยมีทันตแพทย์เด็กที่จบมาโดยเฉพาะถึง 8 ท่าน ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาเด็กกลัวหมอฟัน เพราะที่นี่เน้นการดูแลเด็กอย่างเป็นมิตร บรรยากาศเหมือนอยู่ที่บ้าน ทำให้เด็กสามารถมาหาหมอฟันอย่างมีความสุข เปิดประสบการณ์ใหม่ให้เด็กไม่กลัวการรักษาฟัน