เลือกยาแก้ปวดฟันสำหรับเด็กอย่างไร ให้ปลอดภัยต่อลูกน้อย

Posted: 22 June , 2022

คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจกังวลใจทุกครั้งที่เห็นลูกปวดฟัน แม้ว่าลูกจะดูแลฟันเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม ซึ่งอาการปวดอาจเกิดจากฟันกำลังจะหลุดก็ได้ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีเลือกยาแก้ปวดฟันสำหรับเด็กกันครับ

ยาแก้ปวดฟันสำหรับเด็ก

สาเหตุของอาการปวดฟันในเด็ก

  • ดูดนิ้วมือ ตามธรรมชาติของเด็กเล็กมักจะติดการดูดนิ้วหัวแม่มือเพื่อเติมเต็มความรู้สึกปลอดภัย และจะหยุดดูดไปเองตั้งแต่อายุ 2-4 ปี แต่หากปล่อยให้เด็กดูดนิ้วไปนานอาจทำให้ฟันหน้าบน-ล่างไม่สบกัน และปวดฟันตามมา
  • กัดฟันบ่อย เนื่องจากเด็กยังใช้ฟันน้ำนมซึ่งยังแข็งแรงไม่เท่าฟันแท้ อาจทำให้รู้สึกปวดฟันขึ้นมา
  • มีเศษอาหารติดค้างที่ฟันจากการทำความสะอาดไม่ทั่วถึง เกิดแบคทีเรียสะสมและทำลายสารเคลือบฟันอย่างต่อเนื่อง เมื่อปล่อยไว้นานๆ อาจทำให้ปวดฟันได้ง่ายขึ้น
  • เกิดอุบัติเหตุทำให้ฟันหัก หรือฟันร้าว ส่งผลให้ปวดฟันอย่างรุนแรง
  • ปัญหาจากงานทันตกรรม ในกรณีที่ที่ครอบฟัน หรืออุดฟันหลวมจนแตกออกมา อาจทำให้เส้นประสาทฟันโผล่มาชัดขึ้น เวลาที่ฟันสัมผัสกับสิ่งของจะรู้สึกปวดฟันขึ้นมา
  • เกิดฝีในฟันเนื่องจากฟันผุไปถึงโพรงประสาทฟัน ทำให้ปวดฟันเป็นพัก ๆ มีอาการบวมแดง รวมถึงทำให้รับรสชาติอาหารได้ไม่เต็มที่

วิธีเลือกยาแก้ปวดฟันสำหรับเด็ก

โดยทั่วไปเด็กสามารถทานยาแก้ปวดฟันได้ เพียงแต่ต้องกำหนดปริมาณที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงต่อตัวเด็ก ในปัจจุบันมียาที่เด็กทานได้ ดังนี้

 

1. พาราเซตามล (Paracetamol)

หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า อะเซตามีโนเฟน มีสรรพคุณแก้ปวด ลดไข้ สามารถใช้แทนยาแอสไพรินได้ในกรณีที่แพ้แอสไพริน ในปัจจุบันมีวางจำหน่ายหลากหลายยี่ห้อวาง ได้แก่ ซาร่า, ไทลีนอล, ดีคอลเจน โดยแบ่งปริมาณตามความเหมาะสมในการใช้งานตามช่วงวัยของผู้ทาน ดังนี้

 

1.1 พาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม

เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ 6-12 ปี ครั้งละ ½-1 เม็ด ทุก 4-6 ชม. เมื่อมีอาการปวด (ไม่ควรเกิน 2.6 กรัม/วัน)

 

1.2 พาราเซตามอลขนาด 325 มิลลิกรัม

เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ 6-12 ปี ครั้งละ 1 เม็ด ทุก 4-6 ชม. เมื่อมีอาการปวด (ไม่ควรเกิน 5 เม็ด/วัน)

 

1.3 ยาน้ำเซตามอลขนาดบรรจุขวดละ 60 มิลลิลิตร พร้อมช้อนชา

  • สำหรับเด็กที่มีอายุ 3-6 ปี ครั้งละ 1-2 ช้อนชา (5-10 มิลลิลิตร)
  • สำหรับเด็กที่มีอายุ 1-3 ปี ครั้งละ ½-1 ช้อนชา (2.5-5 มิลลิลิตร)
  • สำหรับเด็กที่มีอายุ 6 เดือน – 1 ปี ครั้งละ ½ ช้อนชา (2.5 มิลลิลิตร)

1.4 ยาน้ำเซตามอลขนาดบรรจุขวดละ 30 มิลลิลิตร พร้อมหลอดหยด

  • สำหรับเด็กที่มีอายุ 4-5 เดือน ทานครั้งละ 2 หลอดหยด (2.4 มิลลิลิตร)
  • สำหรับเด็กที่มีอายุ 2-3 เดือน ทานครั้งละ ½ หลอดหยด (1.8 มิลลิลิตร)
  • สำหรับเด็กแรกเกิด – 1 เดือน ทานครั้งละ 1 หลอดหยด ช้อนชา (1.2 มิลลิลิตร)

 

ข้อควรระวังในการใช้พาราเซตามอล

ควรใช้พาราเซตามอลตามวิธีที่ระบุไว้ข้างฉลาก หากลืมทานตามเวลาที่แพทย์กำหนด ไม่ควรเพิ่มขนาดยาในการทานครั้งต่อไป และควรหยุดใช้ยาทันทีเมื่อไม่มีอาการปวด หากใช้มากเกินขนาดอาจเป็นพิษต่อตับ จนตัวยาเกิดการอิ่มตัวและไม่สามารถขับออกไปจากตับและทำให้เซลล์ตับวาย อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ หรือหากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับตับ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนใช้ยา

 

2. ไอบิวพรอเฟน (Ibuprofen)

เป็นยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ มีสรรพคุณลดอาการปวด ลดไข้ และอาการอักเสบจากการปวดฟัน, ปวดหัว, ปวดประจำเดือน โดยแบ่งปริมาณตามความเหมาะสมในการใช้งานตามช่วงวัยของผู้ทาน โดยไอบิวพรอเฟนที่เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ 6 เดือน -12 ปี ควรทานขนาด 5-10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ทุก 4-6 ชม. เมื่อมีอาการปวด ไม่ควรทานเกิน 4 ครั้ง/วัน และไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเกิน 10 วัน เว้นแต่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์เท่านั้น

 

ข้อควรระวังในการใช้ไอบิวพรอเฟน

ไอบิวพรอเฟนไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ยาแอสไพรินหรือยากลุ่มต้านอาการอักเสบที่ไม่ใช่ยาสเตียรอยด์อื่น ๆ , ผู้ที่มีอาการหอบหืด หรือโพรงจมูกอักเสบเฉียบพลันจากการแพ้ยาแอสไพริน รวมถึงผู้ที่เคยมีเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร, เป็นโรคตับหรือโรคไตอย่างรุนแรง นอกจากนี้หากใช้ในปริมาณมากเกินไปอาจเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจวาย, เกิดผลเสียต่อกระเพาะอาหารและลำไส้ จึงควรเลี่ยงการทานขณะท้องว่าง  ในกรณีของผู้ที่เคยมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนใช้

 

3. แอสไพริน (Aspirin)

เป็นยาชนิดเม็ดที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวด ลดอาการอักเสบ และลดไข้ โดยแบ่งปริมาณตามความเหมาะสมในการใช้งานตามช่วงวัยของผู้ทาน โดยปริมาณแอสไพรินที่เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ 5-10 ปี ควรทานครั้งละ 1 เม็ด ส่วนเด็กที่มีอายุ 3-5 ปี ควรทานครั้งละ ½ เม็ด และเด็กที่มีอายุ 1-3 ปี ควรทานครั้งละ 1⁄4 เม็ด ควรใช้ยาทุก ๆ 4-6 ชม.

 

ข้อควรระวังในการใช้พาราเซตามอลแอสไพริน

ควรทานยาแอสไพรินหลังมื้ออาหารทันทีเพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร หากเป็นผู้ที่มีประวัติการแพ้ยาแอสไพริน, เป็นแผลในกระเพาะอาหาร, มีภาวะเลือดออกผิดปกติ, เป็นโรคหอบหืด, โรคตับ, โรคไต, โรคหัวใจ หรือภูมิแพ้ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนใช้ยา หากมีผื่นคัน, วิงเวียนศีรษะ, หรือลมพิษ ควรหยุดใช้ยาและพบแพทย์ทันที

 

วิธีการเก็บรักษายาแก้ปวดฟันสำหรับเด็ก

ควรปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังใช้งาน หากเป็นชนิดน้ำควรเก็บในตู้เย็น ทั้งนี้ยามีอายุไม่เกิน 5 ปี หลังวันผลิต จึงไม่ควรซื้อกักตุนเอาไว้ กรณีที่เป็นยาน้ำสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 3 ปี หากเปิดขวดแล้วไม่ควรเก็บไว้เกิน 6 เดือน หากยาเปลี่ยนสี, กลิ่น และรสก่อนวันหมดอายุ ควรทิ้งทันทีเพื่อความปลอดภัย

 

บทความที่น่าสนใจ


ปรึกษา นัดหมาย หรือสอบถามเพิ่มเติม

 

คลินิกทันตกรรมเด็ก

 

คลินิกทันตกรรม Homey Dental Clinic เป็นคลินิกที่มีบริการการดูแลฟันและสุขภาพเหงือกอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการทำฟันแบบป้องกัน เช่น เคลือบฟลูออไรด์ อุดฟัน ขูดหินปูน ขัดฟัน การทำฟันแบบรักษา เช่น ถอนฟัน รักษารากฟัน ฟันเทียม ฟันปลอม ผ่าฟันคุด และการทำฟันเพื่อความงามเช่น จัดฟันโลหะ จัดฟันดามอน จัดฟันแบบใส (invisalign) ทำรีเทนเนอร์ การฟอกสีฟันด้วย Zoom ทุกเคสดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

 

นอกจากนี้ยังเป็นคลินิกเฉพาะทางด้านการดูแลสุขภาพฟันเด็กโดยมีทันตแพทย์เด็กที่จบมาโดยเฉพาะถึง 8 ท่าน ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาเด็กกลัวหมอฟัน เพราะที่นี่เน้นการดูแลเด็กอย่างเป็นมิตร บรรยากาศเหมือนอยู่ที่บ้าน ทำให้เด็กสามารถมาหาหมอฟันอย่างมีความสุข เปิดประสบการณ์ใหม่ให้เด็กไม่กลัวการรักษาฟัน

 

สาขาทั้งหมดของ Homey Dental Clinic 




สาขากาญจนาภิเษก
ซอย 7/2 แขวง ศาลาธรรมสพน์
เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10170
สาขาประดิษฐ์มนูญธรรม
991 ซอย ลาดพร้าว 87 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240
สาขา I’m Park จุฬา (เฉพาะเด็ก)
โครงการ I’mpark จุฬาฯ  355 ถนน เจริญเมือง แขวง วังใหม่ กรุงเทพมหานคร 10330



ทีมทันตแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะด้านนี้

ติดต่อเรา