รวมเรื่องน่ารู้ก่อนพาลูกน้อยตรวจสุขภาพฟัน
Posted: 1 March , 2022คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจมีข้อสงสัยหลายอย่างอันเนื่องจากไม่เคยพาลูกน้อยไปตรวจสุขภาพฟันมาก่อน วันนี้เรารวมข้อมูลที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์มาฝากเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สามารถให้คำแนะนำเวลาพาลูกไปตรวจสุขภาพฟันได้อย่างถูกต้องและไม่ทำให้เด็กรู้สึกกังวลจนเกินไป
.
.
ทำไมต้องตรวจสุขภาพฟัน
ฟันเป็นอวัยวะหนึ่งที่มีปัญหาหลากหลายแบบไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดจากกรรมพันธุ์ พฤติกรรมการใช้งาน และวิธีการดูแลรักษา ดังนั้นการทำความสะอาดด้วยการแปรงฟันอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอต่อการจัดการแบคทีเรียในช่องปาก เพราะแบคทีเรียเหล่านี้จะจะติดตามซอกฟันซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทำความสะอาดยาก หากปล่อยให้แบคทีเรียเติบโตในช่องปากไปเรื่อยๆ อาจเกิดปัญหาช่องปากอื่นๆ ตามมา เช่น เหงือกอักเสบ ฟันผุ ฯลฯ โดยเฉพาะวัยเด็กซึ่งเป็นวัยที่ฟันผุง่ายเนื่องจากฟันน้ำนมที่อยู่ในปากไม่แข็งแรงเท่าฟันแท้ในวัยผู้ใหญ่ หรือเด็กอาจดูแลทำความสะอาดไม่ถูกวิธี รวมถึงปัญหาช่องปากที่เราไม่สามารถแก้ได้เอง เช่น ฟันซ้อน ฟันเก ฟันเขี้ยวสูง ดังนั้นการพาลูกน้อยมาพบหมอฟันเด็กจึงเป็นเรื่องที่ควรทำเป็นประจำอย่างน้อยทุก 6 เดือนหรือ 1 ปี
.
ลูกร้องงอแงไม่อยากทำฟัน คุณหมอจะทำยังไงดี
ต้องบอกก่อนว่าการที่ลูกงอแงเมื่อไปทำฟันเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนต้องเจอ เพราะเด็กอาจเคยได้ยิน หรือมีประสบการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับการทำฟันมาก่อนจึงทำให้เด็กรู้สึกกลัวและไม่อยากไปทำฟันขึ้นมา ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรรู้เกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหาลูกงอแงที่คุณหมอต้องปฏิบัติเพื่อให้เด็กยอมทำฟันแต่โดยดี โดยเรามีวิธีแนะนำตามฉบับทันตแพทยฺเฉพาะทางเด็ก ดังนี้
1. บอก แสดง ทำ (tell show do)
คุณหมอจะบอกเด็กก่อนว่า “เดี๋ยวหมอจะทำอะไรให้ดู แล้วจึงสาธิตวิธีแปรงฟัน โดยเริ่มจากแปรงเล็บให้เด็กก่อนแล้วจึงทำจริงๆ ในช่องปาก
2. กล่าวชมเชยและให้รางวัล
หากเด็กให้ความร่วมมือที่ดี คุณหมอจะกล่าวชมเพื่อให้เด็กรู้สึกดีกับการทำฟันและคงพฤติกรรมที่ดีแบบนี้อย่างต่อเนื่อง เมื่อทำฟันเสร็จ คุณหมออาจให้ของรางวัลเพื่อเป็นกำลังใจให้เด็กอยากมาอีก เช่น สติ๊กเกอร์ หรือลูกโป่ง
3. ใช้เสียง
หากเด็กไม่ให้ความร่วมมือ คุณหมออาจต้องใช้เสียงที่ดังขึ้นเพื่อให้เด็กหยุดงอแง เช่น “ฟังหมอก่อน” หรือ “หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะ” เพื่อไม่ให้เด็กแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมขณะทำฟัน กรณีนี้อาจเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นคุณหมอจะแจ้งคุณพ่อคุณแม่ก่อนทำฟันทุกครั้งเพื่อไม่ให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจผิด
4. ปิดปาก
มักใช้ในกรณีที่เด็กดื้อมากจนไม่รับฟังคุณหมอแม้แต่น้อย ทั้งนี้เพื่อให้เด็กสงบลงและฟังสิ่งที่คุณหมอกำลังจะบอก
5. แยกผู้ปกครอง
กรณีที่เด็กไม่ให้ความร่วมมือและร้องไห้ คุณหมอจะใช้ตั้งเงื่อนไขกับเด็กว่า “ถ้าเด็กงอแง จะไม่ให้คุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยขณะทำฟันแล้วนะ” หรือหากเป็นเด็กที่มีอายุมากกว่า 3 ปีขึ้นไป อาจจะต้องแยกผู้ปกครองเพื่อให้เด็กให้ร่วมมือ ทำให้การทำฟันง่ายและเสร็จเร็วขึ้นด้วย
6. ใช้เครื่องมือจำกัดกาฺรเคลื่อนไหว
กรณีที่เด็กไม่ให้ความร่วมมือ แสดงอาการขัดขืนชัดเจน เช่น ร้องไห้งอแง สะบัดหน้าหนี ไม่ยอมอ้าปาก อาจต้องใช้ที่ห่อตัว หรือเครื่องมือช่วยอ้าปาก (ในกรณีที่จำเป็นจริงๆ) เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กดิ้นจนตกเตียง หรือหุบปากลงมาโดนเครื่องมือจนเกิดแผลตามมา
.
ขั้นตอนการตรวจสุขภาพฟันมีอะไรบ้าง
- สำหรับเด็กที่มาพบหมอฟันเด็กครั้งแรก โดยจะตรวจฟัน, เหงือกและช่องปากด้วยตาและการ X-ray เพื่อประเมินสุขภาพช่องปากและโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ
- จากนั้นจึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลทำความสะอาดช่องปากของลูก
- สร้างความเป็นมิตรต่อเด็กเพื่อให้เด็กเกิดความคุ้นชินในการมาพบหมอฟันเด็กครั้งต่อไป
- สำหรับการพบกันครั้งต่อไป หมอฟันเด็กจะตรวจสุขภาพฟันและขูดหินปูนเพื่อทำความสะอาดฟันและเหงือก ป้องกันการเกิดฟันผุเมื่อเด็กมีอายุมากขึ้น
.
เตรียมตัวอย่างไรเมื่อมาตรวจสุขภาพฟัน
- หากเด็กมีอายุต่ำกว่า 5 ปี หรือไม่เคยทำฟันมาก่อน ควรงดอาหารก่อนทำฟันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
- เตรียมชุดของเด็กมาเปลี่ยนอย่างน้อย 1 ชุด เนื่องจากเด็กอาจอาเจียนง่ายกว่าผู้ใหญ่
- สร้างความพร้อมให้เด็กโดยการเล่านิทานหรือดูการ์ตูนเกี่ยวกับการทำฟันก่อนมาพบหมอฟันเด็ก
- ห้ามขู่ลูกเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เด็กขัดขืนซึ่งยากต่อการทำฟันของหมอฟันเด็ก
.
ลูกน้อยควรไปตรวจสุขภาพฟันกับหมอฟันเด็กตั้งแต่อายุเท่าไหร่? ควรไปถี่แค่ไหน?
โดยทั่วไปหมอฟันเด็กจะแนะนำให้ผู้ปกครองพาลูกเข้ามาตรวจตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้นในช่วง 6 เดือนเป็นต้นไป เพื่อตรวจเช็กความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นต่อฟันเด็ก หลังจากนั้นควรพาลูกมาพบหมอฟันเด็กเป็นประจำทุก 6 เดือน สำหรับเด็กคนไหนที่มีความเสี่ยงต่อโรคฟันผุหรือโรคเหงือกอักเสบ ได้แก่ เด็กที่มีคราบพลัคจำนวนมาก เด็กเป็นโรคเบาหวาน เด็กที่มีปัญหาโรคเหงือกหรือเด็กที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอ อาจต้องพบหมอฟันเด็กถี่กว่าเด็กทั่วไป หากไม่พบปัญหาสุขภาพช่องปากใดๆ หมอฟันเด็กอาจนัดพบเพียงปีละ 1 ครั้ง ทั้งนี้อยู่ที่การดูแลของตัวเด็กเองด้วย
.
การดูแลสุขภาพฟันลูกน้อยด้วยตัวเองก่อนและหลังพบหมอฟันเด็ก
- ทำความสะอาดช่องปากด้วยการแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือทุกครั้งหลังมื้ออาหาร 30 นาที
- ใช้ไหมขัดฟัน และน้ำยาบ้วนปากทุกครั้งหลังการแปรงฟัน
- ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยผลิตน้ำลายมาชะล้างแบคทีเรียในช่องปาก
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดหรือแข็งเกินไป
- หากต้องเล่นกีฬาที่ต้องปะทะควรใส่ครอบฟันทุกครั้ง
- ตรวจสุขภาพฟันและขูดหินปูนกับหมอฟันเด็กเป็นประจำทุก 6 เดือน
.
เรทราคาในการตรวจสุขภาพฟันเบื้องต้น
สำหรับทาง Homey Dental Clinic คิดค่าบริการทันตกรรมทั่วไปเริ่มต้นที่ 150 บาท หากท่านใดที่สนใจรับบริการทางทันตกรรม สามารถเช็กราคาได้ที่นี่เลย
.
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการดูแลช่องปากลูกน้อยอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับลูกน้อยในอนาคต สำหรับใครที่กำลังมองหาคลินิกทำฟันสักแห่งที่มีบรรยากาศที่เหมาะกับเด็กจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องรับรองให้เด็กได้นั่งเล่นของเล่นเพื่อผ่อนคลายก่อนการทำฟัน มีเครื่องมือทางทันตกรรมที่ตกแต่งเป็นตัวการ์ตูนน่ารักๆ เพื่อให้เด็กไม่รู้สึกกลัว มีทีมหมอฟันเด็กที่มีความรู้และประสบการณ์การทำฟันเด็กอย่างยาวนาน รวมถึงมีหลักจิตวิทยาในการพูดคุยและรับมือกับเด็กได้เป็นอย่างดี ทางเรา Homey Dental Clinic ยินดีให้คำปรึกษาและพร้อมบริการทุกท่านด้วยใจ เพื่อให้ลูกน้อยของท่านมีความสุขทุกครั้งที่มาทำฟันกับเรา
บทความที่น่าสนใจ
- ทำไมเด็กต้องทำฟันกับหมอฟันเด็กเท่านั้น
- คำถามที่พบบ่อยเมื่อต้องพาลูกเข้าคลินิกทำฟันเด็ก
- 7 ข้อพิจารณาในการเลือกคลินิกทำฟันเด็กที่คุณควรรู้
ปรึกษา นัดหมาย หรือสอบถามเพิ่มเติม
คลินิกทันตกรรม Homey Dental Clinic เป็นคลินิกที่มีบริการการดูแลฟันและสุขภาพเหงือกอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการทำฟันแบบป้องกัน เช่น เคลือบฟลูออไรด์ อุดฟัน ขูดหินปูน ขัดฟัน การทำฟันแบบรักษา เช่น ถอนฟัน รักษารากฟัน ฟันเทียม ฟันปลอม ผ่าฟันคุด และการทำฟันเพื่อความงามเช่น จัดฟันโลหะ จัดฟันดามอน จัดฟันแบบใส (invisalign) ทำรีเทนเนอร์ การฟอกสีฟันด้วย Zoom ทุกเคสดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้ยังเป็นคลินิกเฉพาะทางด้านการดูแลสุขภาพฟันเด็กโดยมีทันตแพทย์เด็กที่จบมาโดยเฉพาะถึง 8 ท่าน ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาเด็กกลัวหมอฟัน เพราะที่นี่เน้นการดูแลเด็กอย่างเป็นมิตร บรรยากาศเหมือนอยู่ที่บ้าน ทำให้เด็กสามารถมาหาหมอฟันอย่างมีความสุข เปิดประสบการณ์ใหม่ให้เด็กไม่กลัวการรักษาฟัน