รู้หรือไม่? อาหารที่ทำให้ฟันผุมีอะไรบ้าง
Posted: 22 September , 2022นอกจากละเลยการทำความสะอาดฟันเป็นประจำแล้ว หนึ่งในปัญหาฟันที่เกิดขึ้นกับคนทุกช่วงวัยนั้นเกิดจากการทานอาหารทำร้ายฟัน แล้วรู้หรือไม่ว่าอาหารที่ทำให้ฟันผุมีอะไรบ้าง วันนี้จะมาเล่าให้ฟังครับ
หลีกเลี่ยง 6 อาหารที่ทำให้ฟันผุ
1. ลูกอม ลูกกวาด
น้ำอัดลมมีส่วนประกอบของน้ำตาลจำนวนมาก แถมยังต้องอมเป็นเวลานานจนกว่าลูกอมจะละลายหมด ทิ้งไว้เพียงคราบน้ำตาลในช่องปาก โดยน้ำตาลเหล่านี้จะทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียแล้วเปลี่ยนเป็นกรดทำลายผิวเคลือบฟัน หากปล่อยให้กรดเหล่านี้เกาะบนผิวฟันนาน ๆ จะทำให้ผิวเคลือบฟันเสียหายและตามมาด้วยปัญหาฟันผุ นอกจากจะเสี่ยงต่อปัญหาฟันแล้วยังเสี่ยงจากสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายที่มาจากสีที่ไม่ควรนำมาประกอบอาหาร ได้แก่ สีย้อมผ้า, สีย้อมกระดาษ และสีย้อมเส้นใย ซึ่งอาจปนเปื้อนจากโลหะหนักอย่างตะกั่ว, สารหนู หรือโครเมียม ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบทางเดินอาหารและกระเพาะปัสสาวะ และพัฒนากลายมาเป็นโรคมะเร็งได้ด้วย
2. โซดา น้ำอัดลม
น้ำอัดลมมีส่วนประกอบของกรดคาร์บอนิกและน้ำตาล จึงมีความเป็นกรดสูงมาก มีฤทธิ์กัดกร่อนผิวเคลือบฟัน ทำให้ผิวเคลือบฟันบางลง หากคุณดื่มเป็นประจำอาจส่งผลให้เนื้อฟันถูกทำลาย จนกลายเป็นฟันผุ แถมยังเพิ่มโอกาสเกิดแผลในช่องปากง่ายขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน เนื่องจากน้ำอัดลมมีปริมาณฟอสฟอรัสมากเกินไป ร่างกายจึงต้องดึงแคลเซียมจากกระดูกมาใช้เพื่อปรับสมดุล เมื่อกระดูกขาดแคลเซียมเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนตามมาง่ายกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มน้ำอัดลมหรือดื่มนาน ๆ ที นอกจากนี้คาเฟอีนในน้ำอัดลมยังส่งผลให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น ร่างกายจึงสูญเสียแคลเซียมเพิ่มขึ้น
3. น้ำหวานและเครื่องดื่มชูกำลัง
แม้ว่าเครื่องดื่ม 2 ประเภทนี้จะดื่มเพื่อให้ความรู้สึกสดชื่นตื่นตัวก็ตาม แต่ทั้งคู่ก็มีส่วนผสมที่ทำร้ายฟันเหมือนกันนั่นก็คือปริมาณน้ำตาลจำนวนมาก และนอกจากน้ำตาลที่มีฤทธิ์ทำลายผิวเคลือบฟันแล้ว ก็ยังมีส่วนผสมอื่นซึ่งส่งผลต่อปัญหาสุขภาพตามมา ไม่ว่าจะเป็น
- คาเฟอีน (80 มิลลิกรัม/480 มิลลิลิตร โดยประมาณ) ช่วยกระตุ้นการเต้นของหัวใจและระบบประสาทส่วนกลาง แต่หากได้รับมากเกินไปอาจทำให้ใจสั่น กระสับกระส่าย และอาจอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิต นอกจากนี้ยังทำให้ผู้ดื่มติดเครื่องดื่มชูกำลัง ส่งผลต่อจิตประสาท ทำให้ผู้ดื่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวมากกว่าเดิม
- กลูโคส เป็นวัตถุดิบสำหรับให้พลังงานแก่อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ช่วยให้สมองตื่นตัวและรู้สึกสดชื่น อีกทั้งกระตุ้นการเต้นของหัวใจ แต่หากได้รับมากเกินไปอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและเป็นโรคเบาหวานตามมา
- สารให้ความหวานและสารกระตุ้น พบว่าเครื่องดื่มชูกำลัง 1 หน่วยบริโภคมีน้ำตาลเกินกว่า 30 กรัม ส่งผลให้ความดันโลหิตและคอเลสเตอรอลสูง เสี่ยงต่อภาวะโรคอ้วน, โรคหัวใจและหลอดเลือด
4. ชา กาแฟ ไวน์
ส่วนผสมหนึ่งของชา, กาแฟและไวน์ที่มีผลต่อปัญหาฟันคือ สารแทนนิน (Tannin) ทำให้เกิดคราบเหลืองบริเวณผิวฟัน แถมยังมีน้ำตาลสูงและมีกรดสูงที่ทำลายผิวเคลือบฟัน ทำให้ฟันผุกร่อนง่ายขึ้น และหากคุณชอบดื่มชาหรือกาแฟร้อนก็อาจมีปัญหาได้ด้วยเช่นกัน จากการที่เนื้อเยื่อรอบปากถูกทำลาย ทั้งเหงือก, เพดานเหงือก, กระพุ้งแก้มและลิ้น ทำให้ชั้นผิวบางลง
5. น้ำแข็ง
แม้ว่าน้ำจะผลิตมาจากน้ำสะอาดซึ่งไม่มีส่วนผสมของสารอื่นเจือปน แต่น้ำแข็งก็ยังเป็นของแข็งอยู่ดี หากคุณกัดเคี้ยวน้ำแข็งเป็นประจำ จะส่งผลให้ผิวเคลือบฟันสึกกร่อนจากการใช้งานหนัก จัดว่าอันตรายร้ายแรงพอ ๆ กับการใช้ฟันเปิดขวดเลยทีเดียว นอกจากนี้การกินน้ำแข็งมากเกินไปจะทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายที่สัมผัสน้ำแข็งเกิดอาการหดตัวและรบกวนภาวะปกติของร่างกาย ทำให้ระบบโฮมีโอสเตซิส (Homeostasis) ของร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง แล้วหากคุณเลือกทานน้ำแข็งที่ผลิตมาจากกรรมวิธีและการขนส่งที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะน้ำแข็งโม่ หรือน้ำแข็งป่น อาจเสี่ยงต่อปัญหาท้องร่วงท้องเสียจากเชื้อโรคในน้ำที่นำมาผลิตน้ำแข็ง รวมถึงพลาสติกและเศษอาหารด้วย
6. ผลไม้กระป๋อง
แม้ว่าผลไม้จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพแต่ผลไม้กระป๋องก็เป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่งที่ใช้น้ำเชื่อมในการคงสภาพของผลไม้ไว้ เนื่องจากน้ำเชื่อมทำมาจากน้ำตาล จึงให้ความหวานที่เป็นอันตรายต่อฟันด้วย นอกจากนี้น้ำตาลยังส่งผลต่อปัญหาสุขภาพมากมายก่อให้เกิดไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย, เกิดโรคกระดูกพรุน ทำให้กระดูกและฟันไม่แข็งแรงเท่าที่ควร, เลือดมีภาวะเป็นกรดจากการที่น้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายเสียสมดุลและระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายรวน, สมองทำงานช้าลง ง่วงนอนง่ายขึ้น และที่สำคัญยังเร่งการทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ทำให้เซลล์ผิวขาดความชุ่มชื้นและเกิดริ้วรอยง่าย
นอกจากเลี่ยงทานอาหารทำร้ายฟันแล้ว เราควรดูแลสุขภาพฟันอย่างไรดี
1. แปรงฟันถูกวิธี
การแปรงฟันถูกวิธีจะช่วยกำจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟันออกให้หมด และกำจัดแบคทีเรียที่อาจติดอยู่ตามลิ้นด้วย ทั้งนี้คุณควรแปรงตามคำแนะนำจากคุณหมอ ดังนี้
- วางแปรงลงบนฟันหน้าในแนวนอน ขยับแปรงให้ทำมุม 45 องศา ระหว่างรอยต่อของเหงือกและฟัน
- ขยับแปรงสีฟันไป-มาอย่างเบามือไปตามเหงือกและฟัน อย่างน้อย 10 ครั้ง เริ่มแปรงจากด้านนอกเข้าไปด้านในจนครบทั้งฟันบนและล่าง
- ขยับแปรงไปยังฟันบนแล้วปัดลง ส่วนฟันล่างให้ปัดขึ้น จากด้านนอกไปด้านใน อย่างน้อย 10 ครั้ง
- แปรงลิ้นให้ทั่วอย่างน้อย 10 ครั้ง เพื่อกำจัดแบคทีเรียบนลิ้น
- เสร็จแล้วบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดเพียงเล็กน้อย เพื่อให้ฟลูออไรด์ยังคงอยู่ในช่องปากและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด
2. พบหมอฟัน
- กรณีที่คุณไม่มีปัญหาสุขภาพช่องปาก แนะนำให้พบหมอฟันทุก ๆ 6 เดือน เพื่อขูดหินปูนซึ่งไม่สามารถกำจัดได้ด้วยการแปรงฟันเพียงอย่างเดียว
- กรณีที่คุณมีปัญหาสุขภาพช่องปาก แนะนำให้พบหมอฟันทุก ๆ 3 เดือน เพื่อขูดหินปูนและแก้ปัญหาฟันตามนัดของคุณหมอ
- หากประสบอุบัติเหตุเกี่ยวกับช่องปาก ให้รีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรีบมาพบหมอฟันทันที
- หากพบฟันหักหรือหลุดออกจากปาก อย่าทิ้งฟันซี่นั้นเด็ดขาด นำฟันมาแช่น้ำหรือนมทิ้งไว้ แล้วรีบไปพบคุณหมอทันที เนื่องจากมีโอกาสที่จะต่อฟันซี่นั้นให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ
- หากต้องการแก้ไขปัญหาฟันด้วยการจัดฟัน ควรเคลียร์ช่องปากและเข้าพบคุณหมอตามนัดทุกครั้ง เพื่อให้การรักษาสัมฤทธิ์ผลและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ฟันผุและโรคเหงือกอักเสบจากการไม่ดูแลสุขภาพช่องปากอย่างต่อเนื่อง
3. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อปัญหาฟัน
- หลีกเลี่ยงการนอนกัดฟันโดยที่ไม่รู้ตัว, การกัดฟันด้วยความเคยชิน หรือการกัดฟันแสดงอารมณ์โกรธ
- หลีกเลี่ยงการเดินทางที่เสี่ยงต่อการถูกปะทะ ได้แก่ จักรยาน, สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า, สเก็ตบอร์ด และมอเตอร์ไซค์
- หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาที่เสี่ยงต่อการถูกปะทะ เช่น บาสเกตบอล, ฟุตบอล รวมถึงกีฬาว่ายน้ำซึ่งเสี่ยงต่อการที่น้ำคลอรีนจะมาสัมผัสกับฟัน จนฟันสึกกร่อน
บทความที่น่าสนใจ
- แนะนำอาหารบำรุงฟันสำหรับเด็ก
- สอนลูกแปรงฟันถูกวิธี มีชัยไปกว่าครึ่ง
- Homey Kids Toothpaste ทางเลือกใหม่ในการเลือกซื้อยาสีฟันสำหรับเด็ก
ปรึกษา นัดหมาย หรือสอบถามเพิ่มเติม
คลินิกทันตกรรม Homey Dental Clinic เป็นคลินิกที่มีบริการการดูแลฟันและสุขภาพเหงือกอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการทำฟันแบบป้องกัน เช่น เคลือบฟลูออไรด์ อุดฟัน ขูดหินปูน ขัดฟัน การทำฟันแบบรักษา เช่น ถอนฟัน รักษารากฟัน ฟันเทียม ฟันปลอม ผ่าฟันคุด และการทำฟันเพื่อความงามเช่น จัดฟันโลหะ จัดฟันดามอน จัดฟันแบบใส (invisalign) ทำรีเทนเนอร์ การฟอกสีฟันด้วย Zoom ทุกเคสดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้ยังเป็นคลินิกเฉพาะทางด้านการดูแลสุขภาพฟันเด็กโดยมีทันตแพทย์เด็กที่จบมาโดยเฉพาะถึง 8 ท่าน ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาเด็กกลัวหมอฟัน เพราะที่นี่เน้นการดูแลเด็กอย่างเป็นมิตร บรรยากาศเหมือนอยู่ที่บ้าน ทำให้เด็กสามารถมาหาหมอฟันอย่างมีความสุข เปิดประสบการณ์ใหม่ให้เด็กไม่กลัวการรักษาฟัน