แนะนำอาหารบำรุงฟันสำหรับเด็ก
Posted: 1 March , 2022นอกจากการดูแลช่องปากด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องปากเป็นประจำทุกวันแล้ว การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยรักษาสภาพฟันให้แข็งแรงด้วยเช่นกัน วันนี้เราจะมาแนะนำอาหารบำรุงฟันกันครับ
อาหารบำรุงฟันสำหรับเด็กมีอะไรบ้าง
1. อาหารที่มีแคลเซียม
หน้าที่ของแคลเซียมและฟอสฟอรัส
เสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูกและฟัน หากได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายต้องดึงแคลเซียมที่สะสมไว้ในกระดูกออกมาใช้ เป็นสาเหตุให้กระดูกเปราะบาง
อาหารที่มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ชีส โยเกิร์ต
- ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น เต้าหู้อ่อน เต้าฮวย งาดำ
- สัตว์ตัวเล็กที่สามารถรับประทานกระดูกหรือเปลือกได้ เช่น ปลาตัวเล็ก กุ้งแห้ง
- ผักใบเขียว เช่น ผักกวางตุ้ง ผักคะน้า
2. อาหารที่มีวิตามิน A
หน้าที่ของวิตามิน A
- ช่วยสร้างเมือกให้เยื่อบุผิวในช่องปาก ทำให้การไหลเวียนของน้ำลายดีขึ้น
- บำรุงเหงือกให้แข็งแรงและสมานแผลในช่องปากให้หายไวขึ้น
อาหารที่มีวิตามิน A
- ไข่แดง น้ำมันตับปลา เครื่องในสัตว์ เช่น ตับไก่งวง ตับวัว
- ผักใบเขียวสีเข้ม เช่น ผักโขม ผักกาดเขียวปลี
- ผลไม้ เช่น มะม่วง แคนตาลูป
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เนย
3. อาหารที่มีวิตามิน C
หน้าที่ของวิตามิน C
ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อเพื่อรักษาโครงสร้างเหงือกและส่วนอื่นในช่องปาก หากขาดวิตามิน C อาจทำให้เหงือกอักเสบ ภาวะเลือดออกตามไรฟัน รวมถึงโรคลักปิดลักเปิดด้วย
อาหารที่มีวิตามิน C
- ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว (เช่น ส้ม สัปปะรด) หรือ ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี มะละกอ
- ผักสีเขียวเข้ม เช่น ผักโขม กะหล่ำปลี บรอกโคลี มะเขือเทศ มันฝรั่ง
4. อาหารที่มีเส้นใย
หน้าที่ของเส้นใย
เส้นใยช่วยทำหน้าที่ขัดฟันเพื่อกำจัดคราบแบคทีเรียที่เกาะอยู่ตามผิวฟัน และช่วยให้ต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายมากขึ้นเพื่อชะล้างสิ่งสกปรกในช่องปาก
อาหารที่มีเส้นใย
- อาหารที่มีเส้นใยอาหารสูง เช่น แครอท ผักหวาน ถั่วลิสง
- อาหารที่มีเส้นใยปานกลาง เช่น ข้าวโพดต้ม คะน้า ตำลึง
- อาหารที่มีเส้นใยอาหารน้อย เช่น ข้าวขาว กล้วย ส้ม องุ่น
5. อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
หน้าที่ของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจะมีไฟเบอร์ซึ่งช่วยลดคราบหินปูนที่เป็นต้นตอของฟันผุ
อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
- อาหารจำพวกแป้งที่ไม่ผ่านกรรมวิธีหรือขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีท
- ผักผลไม้บางชนิด เช่น ฟักทอง กล้วย แตงโม
- ธัญพืช เช่น ถั่วแดง มันเทศ
6. น้ำเปล่า
ในน้ำเปล่ามีสารฟลูออไรด์ซึ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้เคลือบฟัน และลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์ในช่องปาก ดังนั้นควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว โดยแบ่งปริมาณการดื่มน้ำตามช่วงวัย ดังนี้
- อายุ 1-8 ปี ปริมาณ 1,000-2,100 มิลลิลิตร
- อายุ 9-18 ปี ปริมาณ 1,700-3,375 มิลลิลิตร (ผู้ชาย) และปริมาณ 1,600-2,775 มิลลิลิตร (ผู้หญิง)
อาหารที่ควรเลี่ยงรับประทาน
- อาหารหรือเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์กัดกร่อนเคลือบฟัน เช่น น้ำอัดลม เบียร์ โซดา
- อาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล รับประทานได้แต่ต้องไม่มากเกินไป เพราะทำให้ผิวเคลือบฟันถูกทำลายจนกลายเป็นฟันผุได้
- อาหารที่แข็งเกินไป เช่น กระดูก น้ำแข็ง อาจทำให้ฟันร้าวหรือหักได้
- อาหารรสจัด เช่น เปรี้ยวจัด ร้อนจัด เย็นจัด ป้องกันฟันสึก
- น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีฟลูออไรด์สูง เนื่องจากฟลูออไรด์ที่มากเกินไปจนอาจเกิดภาวะฟันตกกระ
บทความที่น่าสนใจ
- เคล็ด(ไม่)ลับในการสอนเด็กแปรงฟันให้สะอาดยิ่งขึ้น
- ทันตกรรมสำหรับเด็กมีอะไรบ้าง?
- 7 ข้อพิจารณาในการเลือกคลินิกทำฟันเด็กที่คุณควรรู้
ปรึกษา นัดหมาย หรือสอบถามเพิ่มเติม
คลินิกทันตกรรม Homey Dental Clinic เป็นคลินิกที่มีบริการการดูแลฟันและสุขภาพเหงือกอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการทำฟันแบบป้องกัน เช่น เคลือบฟลูออไรด์ อุดฟัน ขูดหินปูน ขัดฟัน การทำฟันแบบรักษา เช่น ถอนฟัน รักษารากฟัน ฟันเทียม ฟันปลอม ผ่าฟันคุด และการทำฟันเพื่อความงามเช่น จัดฟันโลหะ จัดฟันดามอน จัดฟันแบบใส (invisalign) ทำรีเทนเนอร์ การฟอกสีฟันด้วย Zoom ทุกเคสดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้ยังเป็นคลินิกเฉพาะทางด้านการดูแลสุขภาพฟันเด็กโดยมีทันตแพทย์เด็กที่จบมาโดยเฉพาะถึง 8 ท่าน ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาเด็กกลัวหมอฟัน เพราะที่นี่เน้นการดูแลเด็กอย่างเป็นมิตร บรรยากาศเหมือนอยู่ที่บ้าน ทำให้เด็กสามารถมาหาหมอฟันอย่างมีความสุข เปิดประสบการณ์ใหม่ให้เด็กไม่กลัวการรักษาฟัน