ตอบทุกคำถามเกี่ยวกับการใส่รากฟันเทียม

Posted: 16 September , 2022

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาช่องปากจนต้องใส่รากฟันเทียม แต่ไม่แน่ใจว่าการรักษาแบบนี้มีข้อดีข้อเสียตรงไหนบ้าง ต้องเตรียมตัวก่อนการรักษามากน้อยแค่ไหน รวมถึงมีวิธีการดูแลรักษาอย่างไรให้ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง วันนี้เรามีคำตอบครับ

ใส่รากฟันเทียม

ตอบทุกคำถามเกี่ยวกับการใส่รากฟันเทียม

1. ทำไมต้องใส่รากฟันเทียม

รากฟันเทียมเป็นรากฟันที่ทำขึ้นมาทดแทนรากฟันจริง รากฟันเทียมผลิตจากวัสดุไททาเนียมที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษและฝังลงไปในกระดูกขากรรไกรเพื่อใช้ในการทำฟันปลอมแบบถอดได้และแบบติดแน่น หากทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง รากฟันเทียมจะยึดติดและกลายเป็นส่วนเดียวกันกับกระดูก

 

2. ใครบ้างที่ควรใส่รากฟันเทียม แล้วใครบ้างที่ไม่ควรใส่

การรักษาประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาช่องปากจนถึงขั้นสูญเสียฟันแท้ แต่ควรเข้ารับการรักษาหลังจากอายุ 18 ปี เนื่องจากเป็นช่วงที่ขากรรไกรเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ส่วนคนที่ไม่ควรใส่รากฟันเทียม ได้แก่ ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น โรคเบาหวาน, โรคมะเร็งที่ต้องฉายรังสีบนใบหน้าเเละช่องปาก, โรคเหงือกอักเสบรุนเเรง ฯลฯ ผู้หญิงที่มีภาวะตั้งครรภ์ สามารถทำได้จากหลังคลอดเสร็จเเล้ว และผู้ที่มีอาการอื่นจากการรักษาที่ไม่ได้ผล เช่น ผู้ที่รับยากดภูมิคุ้มกัน หรือผู้ที่มีไขข้ออักเสบรุนเเรง

 

3. ข้อดี-ข้อเสียของการใส่รากฟันเทียมมีอะไรบ้าง

  • ทานอาหารได้ตามปกติเหมือนฟันธรรมชาติ
  • เพิ่มความสวยงามและความมั่นใจขณะยิ้ม
  • ให้ความรู้สึกเหมือนฟันธรรมชาติ
  • ลดปัญหาการออกเสียงขณะพูด
  • ทำความสะอาดง่าย
  • ฟันคงทนถาวร
  • ไม่ต้องกรอแต่งฟันบริเวณข้างเคียง
  • ใช้ร่วมกับการรักษาด้วยสะพานฟันเเละครอบฟัน
  • ไม่มีปัญหาฟันหลุดขณะใช้งาน
  • ทั้งนี้มีค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูงกว่าฟันปลอมประเภทอื่น
  • การรักษาประเภทนี้ไม่เหมาะกับผู้มีโรคประจำตัวบางชนิด ควรขอคำแนะนำในการรักษาจากคุณหมอ
  • ใช้ระยะเวลาในการรักษาค่อนข้างนานกว่าฟันปลอมประเภทอื่น เนื่องจากต้องรอให้กระดูกยึดเข้ากับรากเทียม
  • อาจได้ฟันปลอมที่มีรูปทรงไม่เหมือนฟันธรรมชาติ หากกระดูกละลายตัวหรือกระดูกขากรรไกรยุบ

4. รากฟันเทียมมีกี่ประเภท แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร

โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ การฝังรากเทียมแบบธรรมดา, การฝังรากเทียมแบบทันที และการเชื่อมต่อส่วนของฟันปลอม ดังนี้

 

4.1 การฝังรากเทียมแบบธรรมดา (Conventional implant)

เหมาะสำหรับผู้ที่ทำรากฟันซี่เดียวเเละหลายซี่ โดยคุณหมอจะฝังรากเทียมและรอให้กระดูกยึดกับรากเทียมภายในเวลาประมาณ 3 เดือน แล้วจึงติดฟันปลอมเข้ากับรากเทียม การรักษาประเภทนี้มีข้อจำกัดในการรักษาน้อย รักษาได้ทุกสภาพกระดูก เเต่หากคุณสูญเสียกระดูกในระดับปานกลางหรือรุนแรงในบริเวณที่ฝังรากฟันเทียม อาจต้องปลูกกระดูกก่อนการรักษา

 

4.2 การฝังรากเทียมแบบทันที (Immediate Implant)

เหมาะสำหรับผู้ที่มีกระดูกขากรรไกรสมบูรณ์ โดยคุณหมอจะใส่รากฟันเทียมหลังจากถอนฟันทันทีและใช้ระยะเวลาปลูกถ่ายเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ข้อดีของการฝังรากเทียมแบบนี้คือจะช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาการรักษาให้น้อยลง ทำให้กระดูกละลายและลดโอกาสเหงือกร่น ตำแหน่งฟันที่เหมาะคือฟันหน้าและฟันกรามน้อย ทั้งนี้ฟันของคุณจะต้องไม่มีพยาธิที่ปลายรากฟันซี่ที่ต้องถอนและมีปริมาณกระดูกเพียงพอต่อการยึดรากฟันเทียมด้วย

 

4.3 การเชื่อมต่อส่วนของฟันปลอม (Immediate Loaded Implant)

หลังจากฝังรากเทียมที่กระดูกขากรรไกรเเล้วสามารถใส่อุปกรณ์ฟันปลอมได้ทันที ได้แก่ การทำครอบฟันแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร

 

5. ใส่รากฟันเทียมเจ็บไหม

แม้ว่าขั้นตอนการใส่รากฟันเทียมจะต้องผ่าตัดเปิดเหงือกเพื่อฝังเหล็กลงไปก็ตาม แต่จะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยขณะฉีดยาชาเฉพาะที่ หรืออาจไม่รู้สึกเจ็บขณะทำรากฟันเลย แต่เมื่อยาชาหมดฤทธิ์แล้วอาจมีอาการเจ็บปวดตามมาเล็กน้อยหรือมากนั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะปริมาณของกระดูก, สันกระดูก และคุณภาพเนื้อเยื่อเหงือกบริเวณที่รักษาของแต่ละบุคคล หากบางคนมีกระดูกรองรับรากเทียมที่มีคุณภาพดีและเพียงพอต่อการรักษา การฝังรากฟันเทียมจึงทำได้ง่ายและได้รับความรู้สึกเจ็บปวดคล้าย ๆ กับการถอนฟัน แถมยังใช้เวลาพักฟื้นเพียง 1-2 วันเท่านั้น แต่หากใครมีเนื้อเยื่อเหงือกคุณภาพไม่ดีหรือมีกระดูกรองรับรากเทียมไม่เพียงพอ อาจต้องผ่าตัดเสริมกระดูกหรือเนื้อเยื่อเหงือก จึงทำให้ใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า

 

6. ขั้นตอนการใส่รากฟันเทียมมีอะไรบ้าง รอนานมั้ย

  • คุณหมอจะวินิจฉัยและวางแผนการรักษาด้วยการ X-ray แบบพาโนรามา เเละ CT Scan เพื่อประเมินกระดูกขากรรไกรและเนื้อเยื่อบนสันเหงือก ซึ่งช่วยให้เลือกรากเทียมสำหรับคนไข้รายนั้นโดยเฉพาะและป้องกันปัญหาแทรกซ้อนจากการรักษา
  • คุณหมอจะตรวจสอบสภาวะกระดูกเเละการติดเชื้อสำหรับเตรียมพื้นที่เพื่อฝังรากฟัน หากพบการติดเชื้อคุณหมอจะทำการรักษาภายใน 2-3 สัปดาห์ ไปจนถึง 2-3 เดือน
  • อาจต้องปลูกถ่ายกระดูกเพิ่ม หากสภาวะของโครงสร้างกระดูกไม่เพียงพอต่อการทำรากฟันเทียม
  • คุณหมอจะฉีดยาชาเฉพาะที่และผ่าตัดเพื่อฝังรากฟันเทียมลงไปในกระดูกขากรรไกร จากนั้นจึงเย็บปิดแผลและนัดตัดไหมออกภายใน 7-14 วัน
  • หลังจากผ่าตัดประมาณ 3-4 เดือน คุณหมอจะนัดเพื่อดูว่ารากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกรโดยสมบูรณ์แล้วหรือไม่ หากไม่สมบูรณ์อาจต้องทำการรักษาหรือเฝ้าดูอาการเพิ่มเติม ประมาณ 2 ถึง 6 เดือน
  • คุณหมอจะติดตั้งแกนโลหะหัวกลมกับรากฟันเทียมและใส่เครื่องมือช่วยสร้างร่องเหงือก จากนั้นจึงพิมพ์ปากเพื่อส่งทำครอบฟันอีก 1-2 สัปดาห์
  • คุณหมอจะติดตั้งสะพานฟันหรือครอบฟันไว้กับโลหะด้วยสารยึดติดทางทันตกรรม

 

7. มีผลข้างเคียงหลังจากใส่รากฟันเทียมมั้ย

หลังจากผ่าตัดปลูกรากฟันเทียมแล้ว คนไข้จะมีอาการปวดบวมบนใบหน้าและเหงือก โดยจะปวดตรงแผลผ่าตัดเป็นพิเศษ คนไข้จึงต้องทานยาปฏิชีวนะและใช้น้ำยาบ้วนปากสำหรับฆ่าเชื้อเพื่อระงับอาการปวดหลังผ่าตัด หลังจากนั้นอาการปวดบวมจะหายไปเองภายใน 3-5 วัน ทั้งนี้แนะนำให้ประคบเย็นหลังใส่รากฟันเทียมภายใน 48 ชม.

 

8. ดูแลช่องปากหลังใส่รากฟันเทียมอย่างไรดี

  • ห้ามทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มรสร้อนหรือเย็นจัด หลังจากผ่าตัดอย่างน้อย 1 วัน
  • ทานได้เพียงอาหารอ่อนเพื่อหลีกเลี่ยงเศษอาหารและการระคายเคืองต่อบาดแผลอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • ทำความสะอาดช่องปากอย่างน้อย 2 ครั้ง หรือทุกครั้งหลังมื้ออาหารอย่างน้อย 30-60 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่แข็งหรือเหนียวเกินไป
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหลังผ่าตัด
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
  • ใช้ไหมขัดฟันวันละ 1-2 ครั้ง ควบคู่กับแปรงซอกฟันและน้ำยาบ้วนปาก
  • ช่วงแรกของการผ่าตัดควรนอนบนหมอนสูงในช่วงแรกเพื่อลดอาการบวม
  • พบหมอฟันเป็นประจำอย่างน้อย 1-2 ครั้ง/ปี
  • หากมีอาการปวดบวมหลังผ่าตัดหรือมีเลือดไหลไม่หยุด ให้รีบไปพบคุณหมอทันที
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อปัญหาฟัน เช่น ละเลยการทำความสะอาดฟันด้วยการแปรงฟัน, เล่นกีฬาที่เสี่ยงต่อการปะทะ, รักษาอาการนอนกัดฟัน ฯลฯ

 

9. รากฟันเทียมอยู่ได้กี่ปี

เนื่องจากรากฟันเทียมผลิตจากไทเทเนียม จึงมีความทนทานและใช้งานได้นานเป็น 10 ปี หรืออาจอยู่ได้ตลอดไป ขึ้นอยู่กับการดูแลความสะอาดช่องปากของคุณว่าถูกวิธีและสม่ำเสมอหรือไม่ รวมถึงการใช้งานฟันเทียมด้วย โดยการดูแลรักษาจะเหมือนกับฟันธรรมชาติทุกประการ

 

10. ใส่รากฟันเทียมราคาเท่าไร

ทาง Homey Dental Clinic มีอัตราค่าบริการตามประเภทการรักษา ดังนี้

  • รากเทียม Straumann ราคา 75,000 บาท แบ่งจ่ายครั้งที่ 1 ราคา 37,500 บาท, ครั้งที่ 2-3 ราคา 18,750 บาท
  • รากเทียม Dentium ราคา 43,000 บาท แบ่งจ่ายครั้งที่ 1 ราคา 21,500 บาท, ครั้งที่ 2-3 ราคา 10,750 บาท
  • Stent รากฟันเทียม ราคา 1,500 บาท
  • ปลูกกระดูก (ขึ้นอยู่กับปริมาณกระดูก) ราคา 10,000 – 20,000 บาท

 

บทความที่น่าสนใจ


ปรึกษา นัดหมาย หรือสอบถามเพิ่มเติม

 

คลินิกทันตกรรมเด็ก

 

คลินิกทันตกรรม Homey Dental Clinic เป็นคลินิกที่มีบริการการดูแลฟันและสุขภาพเหงือกอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการทำฟันแบบป้องกัน เช่น เคลือบฟลูออไรด์ อุดฟัน ขูดหินปูน ขัดฟัน การทำฟันแบบรักษา เช่น ถอนฟัน รักษารากฟัน ฟันเทียม ฟันปลอม ผ่าฟันคุด และการทำฟันเพื่อความงามเช่น จัดฟันโลหะ จัดฟันดามอน จัดฟันแบบใส (invisalign) ทำรีเทนเนอร์ การฟอกสีฟันด้วย Zoom ทุกเคสดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

 

นอกจากนี้ยังเป็นคลินิกเฉพาะทางด้านการดูแลสุขภาพฟันเด็กโดยมีทันตแพทย์เด็กที่จบมาโดยเฉพาะถึง 8 ท่าน ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาเด็กกลัวหมอฟัน เพราะที่นี่เน้นการดูแลเด็กอย่างเป็นมิตร บรรยากาศเหมือนอยู่ที่บ้าน ทำให้เด็กสามารถมาหาหมอฟันอย่างมีความสุข เปิดประสบการณ์ใหม่ให้เด็กไม่กลัวการรักษาฟัน

 

สาขาทั้งหมดของ Homey Dental Clinic 




สาขากาญจนาภิเษก
ซอย 7/2 แขวง ศาลาธรรมสพน์
เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10170
สาขาประดิษฐ์มนูญธรรม
991 ซอย ลาดพร้าว 87 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240
สาขา I’m Park จุฬา (เฉพาะเด็ก)
โครงการ I’mpark จุฬาฯ  355 ถนน เจริญเมือง แขวง วังใหม่ กรุงเทพมหานคร 10330



ทีมทันตแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะด้านนี้

ติดต่อเรา