ลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อไปนี้ เพื่อการดูแลฟันในระยะยาว
Posted: 22 September , 2022หลายคนอาจไม่ทราบว่าพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ทำจากความเคยชินของตัวเองอาจส่งผลร้ายของสุขภาพช่องปากได้โดยไม่รู้ตัว วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังว่ามีอะไรบ้าง พร้อมทั้งบอกวิธีแก้ไขเพื่อการดูแลสุขภาพฟันที่แข็งแรงยิ่งขึ้น
5 พฤติกรรมเสี่ยงส่งผลร้ายต่อการดูแลฟัน
1. ละเลยการทำความสะอาดช่องปาก
สาเหตุสำคัญอันดับ 1 ที่ทำให้ใครหลายคนมีปัญหาฟัน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก, ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงวัยนั้นเกิดจากการละเลยการทำความสะอาดช่องปากด้วยการแปรงฟัน หลายคนอาจคิดว่าแปรงเฉพาะก่อนนอนอยางเดียวก็เพียงพอ แต่อย่าลืมว่าตั้งแต่ตื่นนอนมา เราต้องทานทั้งอาหารมื้อเช้า, กลางวัน และเย็น จึงมีเศษอาหารติดตามซอกฟันตลอดวัน ทำให้เชื้อแบคทีเรียในช่องปากทำปฏิกิริยากับเศษอาหารและสร้างกรดขึ้นมาทำลายผิวเคลือบฟัน ส่งผลให้ฟันสึกกร่อนและเกิดปัญหาในช่องปากตามมา โดยเฉพาะฟันผุและโรคเหงือกอักเสบที่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพในระยะยาว ดังนั้นคุณควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ได้แก่ แปรงหลังมื้ออาหารเช้าและแปรงก่อนนอนอย่างน้อย 30 นาที – 1 ชั่วโมง ซึ่งจะลดโอกาสการเกิดแบคทีเรียในช่องปากได้ดี
แต่หากต้องการดูแลช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรแปรงฟันทุกครั้งหลังมื้ออาหาร ไม่ว่าจะมื้อใหญ่หรือมื้อจุกจิกก็ตาม เพื่อกำจัดเศษอาหารไม่ให้ตกค้างอยู่ในช่องปากนาน รวมถึงใช้ไหมขัดฟันและน้ำยาบ้วนปากควบคู่กันไปด้วย เพื่อการทำความสะอาดช่องปากอย่างมีประสิทธิภาพ
2. แปรงฟันแรงเกินไป
หลายคนอาจคิดว่ายิ่งแปรงฟันแรงเท่าไหร่ก็ยิ่งกำจัดคราบสกปรกออกจากปากได้ดีเท่านั้น นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เนื่องจากการออกแรงแปรงมากอาจทำลายผิวเคลือบฟัน ทำให้ช่วงคอฟันสึกกร่อน ส่งผลให้เนื้อฟันถูกเปิดออก ทำให้รู้สึกเสียวฟันง่ายขึ้นเมื่อฟันสัมผัสกับอาหาร นอกจากนี้ยังมีอาการระคายเคืองของเหงือกและเหงือกร่นตามมา หากร้ายแรงอาจเป็นโรคเหงือกอักเสบได้ด้วย
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดไม่เหมาะสม
3.1 การใช้แปรงสีฟันที่ไม่เหมาะกับช่องปาก
หากคุณใช้แปรงสีฟันที่แข็งเกินไปอาจส่งผลให้ฟันสึกกร่อนง่ายขึ้น แถมยังเกิดการระคายเคืองของขอบเหงือกและกลายเป็นแผลในช่องปาก หรือหากใช้แปรงที่มีแรงยึดขนแปรงกับหัวแปรงต่ำกว่ามาตรฐาน อาจทำให้ขนแปรงหลุดออกมาขณะใช้งาน หรือการใช้แปรงสีฟันขนาดใหญ่กว่าช่องปาก ทำให้การทำความสะอาดซี่ฟันด้านในไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
3.2 การใช้ยาสีฟันที่มีผงขัดหยาบมากเกินไป
ยาสีฟันทั่วไปควรมีค่าความสามารถในการขัด RDA (Relative Dentin Abrasiveness) อยู่ที่ 0 – 150 โดยผงขัดส่วนใหญ่ในยาสีฟันมีชนิดและ RDA แตกต่างกัน ดังนี้
- Hydrated Silica มี RDA อยู่ที่ 40 – 120
- Silica มี RDA อยู่ที่ 60 – 140
- Calcium Carbonate มี RDA อยู่ที่ 80 – 120
- Pumice มี RDA อยู่ที่ 170 – 250
ยาสีฟันที่มีผงขัดหยาบส่วนใหญ่จะเป็นยาสีฟันชนิดผงและยาสีฟันสำหรับผู้สูบบุหรี่เพื่อกำจัดคราบที่เกิดจากสารเคมีจากกระบวนการการเผาไม้ของกำมะถันหรือสารจำพวกทาร์ (น้ำมันดิน) สะสมอยู่บนผิวฟัน และแทรกซึมเข้าไปในชั้นเนื้อฟันและเป็นต้นเหตุของฟันเหลืองหรือฟันมีสีคล้ำลง จนอาจเกิดกลิ่นฝังได้เช่นกัน
ผงขัดในยาสีฟันมีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ยิ่งมีขนาดใหญ่ก็ยิ่งขจัดคราบฟันได้ดี เพียงแต่มีโอกาสที่จะขัดคราบไบโอฟิล์มและผิวฟันของเราออกไปด้วย ดังนั้นควรเลือกยาสีฟันที่มีผงขัดเกร็ดเล็ก, เป็นเนื้อครีม หรือเจลไปเลยจะปลอดภัยกว่าครับ
3.3 การใช้น้ำยาบ้วนปากแทนการแปรงฟันด้วยยาสีฟัน
หลายคนอาจคิดว่าน้ำยาบ้วนปากสามารถใช้ทำความสะอาดช่องปากได้ เพราะใช้แล้วช่วยดับกลิ่นปาก แต่ที่จริงแล้วการใช้น้ำยาบ้วนปากนั้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของฟลูออไรด์ให้คงอยู่ในช่องปากได้นานขึ้น ไม่ได้กำจัดเศษอาหารในช่องปากแต่อย่างใด ใช้แล้วเศษอาหารก็ไม่ได้หลุดออกอยู่ดี ดังนั้นจึงใช้แทนกันไม่ได้ครับ ทางที่ดีควรใช้ก่อนและหลังแปรงฟันโดยอมน้ำยาบ้วนปากเอาไว้ในปริมาณ 4-5 ช้อนชา (20 มิลลิลิตร) เป็นเวลา 30-60 วินาที กลั้วให้ทั่วช่องปากจากนั้นค่อยบ้วนทิ้งจะดีที่สุด
4. ทานอาหารทำร้ายฟัน
4.1 อาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาล
- ขนมขบเคี้ยว, ลูกอม, ผลไม้กระป๋อง อาหารเหล่านี้มีส่วนผสมหลักคือน้ำตาลปริมาณสูง หากทานเข้าไปบ่อย ๆ จะไปทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียและเปลี่ยนเป็นกรดทำลายผิวเคลือบฟัน หากปล่อยให้กรดเหล่านี้เกาะบนผิวฟันนาน ๆ จะทำให้ผิวเคลือบฟันเสียหายและเป็นโรคฟันผุตามมา
- น้ำหวานและเครื่องดื่มชูกำลัง แม้ว่าจะช่วยให้ร่างกายสดชื่น แต่ก็มีส่วนผสมของคาเฟอีน, กลูโคส, สารให้ความหวานและสารกระตุ้น ส่งผลให้กระสับกระส่าย, ใจสั่น, ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและกลายเป็นโรคเบาหวาน, ความดันโลหิตและคอเลสเตอรอลสูง นำมาสู่ภาวะโรคอ้วน, โรคหัวใจและหลอดเลือด
- ชา กาแฟ ไวน์ มีส่วนผสมของสารแทนนินที่ก่อให้เกิดคราบเหลืองบนผิวฟัน ตามมาด้วยปริมาณของน้ำตาลและกรดสูง ทำลายผิวเคลือบฟัน ทำให้ฟันผุกร่อนง่าย หากเป็นชาหรือกาแฟร้อนก็อาจทำลายเนื้อเยื่อรอบปาก ทำให้ชั้นผิวบางลงตั้งแต่เหงือก, เพดานเหงือก ไปจนถึงกระพุ้งแก้มและลิ้น
4.2 อาหารและเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรด
- อาหารทอดและอาหารที่มีไขมันสูง ได้แก่ เบคอน, ชีส, เนย, เฟรนช์ฟรายส์, มันฝรั่งทอด, เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก กล้ามเนื้อหูรูดไม่กระชับ แถมยังเสี่ยงต่อภาวะไขมันสะสมจนกลายเป็นโรคอ้วนได้ด้วย
- ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ได้แก่ ส้ม, มะนาว, เกรปฟรุต แม้ว่าผลไม้จะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากทานในปริมาณมากเกินไปอาจเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพแทน เพราะนอกจากผลไม้เหล่านี้จะทำลายผิวเคลือบฟันแล้วยังทำให้รู้สึกไม่สบายท้อง เนื่องจากเกิดอาการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
- เครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรด ได้แก่ น้ำอัดลม, โซดา, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากมีค่า pH อยู่ที่ 3-5 (มีค่าความเป็นกรดสูง) ทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ
ลดพฤติกรรมเสี่ยงทำร้ายฟัน เพื่อการดูแลที่ดีกว่า
- แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือแปรงหลังทานอาหารอย่างน้อย 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เศษอาหารตกค้างและเกิดกรดในช่องปาก
- ใช้ไหมขัดฟันและน้ำยาบ้วนปากควบคู่กับการแปรงฟันทุกครั้งเพื่อความสะอาดที่มากกว่าการแปรงฟันอย่างเดียว
- หลีกเลี่ยงอาหารที่แข็งหรือเหนียวเกินไป เพราะอาจทำให้ฟันใช้งานหนักและสึกเร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด เช่น เย็นจัด ร้อนจัด เปรี้ยวจัด เพื่อป้องกันการสึกกร่อนของผิวเคลือบฟัน
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาล ได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, เครื่องดื่มชูกำลัง, น้ำอัดลม, ชา, กาแฟ
- หลีกเลี่ยงการใช้งานฟันผิดวิธี เช่น ใช้ฟันเปิดขวด, กัดฟันแสดงอารมณ์โกรธ, กัดฟันจากความเคยชิน (โดยไม่รู้ตัว)
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจปะทะและทำให้ฟันได้รับการกระทบกระเทือน เช่น ขับรอมอเตอร์ไซค์, เล่นฟุตบอล (ควรใส่เฝือกสบฟันขณะทำกิจกรรมดังกล่าว)
- พบหมอฟันเป็นประจำทุก 6 เดือน หรือพบทันทีที่มีปัญหาช่องปาก
บทความที่น่าสนใจ
- โรคฟันผุในเด็ก: ปัญหาสำคัญที่ทำร้ายเด็กโดยไม่รู้ตัว
- อย่าปล่อยให้ลูกฟันผุทั้งปาก จนรักษายากเกินเยียวยา
- Homey Kids Toothpaste ทางเลือกใหม่ในการเลือกซื้อยาสีฟันสำหรับเด็ก
ปรึกษา นัดหมาย หรือสอบถามเพิ่มเติม
คลินิกทันตกรรม Homey Dental Clinic เป็นคลินิกที่มีบริการการดูแลฟันและสุขภาพเหงือกอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการทำฟันแบบป้องกัน เช่น เคลือบฟลูออไรด์ อุดฟัน ขูดหินปูน ขัดฟัน การทำฟันแบบรักษา เช่น ถอนฟัน รักษารากฟัน ฟันเทียม ฟันปลอม ผ่าฟันคุด และการทำฟันเพื่อความงามเช่น จัดฟันโลหะ จัดฟันดามอน จัดฟันแบบใส (invisalign) ทำรีเทนเนอร์ การฟอกสีฟันด้วย Zoom ทุกเคสดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้ยังเป็นคลินิกเฉพาะทางด้านการดูแลสุขภาพฟันเด็กโดยมีทันตแพทย์เด็กที่จบมาโดยเฉพาะถึง 8 ท่าน ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาเด็กกลัวหมอฟัน เพราะที่นี่เน้นการดูแลเด็กอย่างเป็นมิตร บรรยากาศเหมือนอยู่ที่บ้าน ทำให้เด็กสามารถมาหาหมอฟันอย่างมีความสุข เปิดประสบการณ์ใหม่ให้เด็กไม่กลัวการรักษาฟัน