รับมือกับแผลในปากง่ายๆ ด้วยตัวเอง
Posted: 1 March , 2022เด็กทุกคนคงมีความสุขไม่ได้หากยังมีแผลในปากมารบกวนการรับประทานอาหารทุกมื้ออยู่ ว่าแต่คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่าแผลในช่องปากนั้นเกิดจากอะไร และเราสามารถรับมือกับภาวะดังกล่าวยังไงให้หายโดยเร็วที่สุด วันนี้ Homey Dental Clinic มีคำตอบครับ
แผลในปากคืออะไร
หรือแผลร้อนใน เป็นอาการที่เยื่อบุอ่อนภายในช่องปากอักเสบ บางครั้งอาจเป็นแผลลึก ซึ่งจะพบได้ทั่วช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นกระพุ้งแก้ม เหงือก ลิ้น ส่งผลให้รู้สึกเจ็บทุกครั้งที่สัมผัส ส่งผลต่อการเคี้ยวอาหารโดยเฉพาะอาหารรสจัดหรือของร้อน รวมถึงการแปรงฟันที่ยากลำบากด้วย
สาเหตุของแผลในปาก
- บังเอิญกัดริมฝีปาก
- รับประทานของร้อนเกินไปจนเป็นแผล
- การขาดวิตามินหรือแร่ธาตุบางชนิด
- การรับประทานอาหารบางชนิดที่มีกรดมาก
- การทำความสะอาดช่องปากแบบไม่ทั่วถึง
- การใช้ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสารโซเดียมลอริลซัลเฟต
- โรคเชื้อราในปาก
- ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
- การใช้เครื่องมือทางทันตกรรม เช่น เหล็กจัดฟัน ฟันปลอม
- พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือความเครียด
อาการของแผลในปาก
- แผลขนาดเล็ก เป็นแผลที่พบบ่อยที่สุด ลักษณะเป็นวงกลมหรือวงรีขนาดเล็ก สามารถหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์
- แผลขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นวงกลมและวงรีขนาดใหญ่ ลึกกว่าแผลขนาดเล็ก หากสัมผัสจะรู้สึกเจ็บมาก อาจใช้เวลาในการรักษาถึง 6 สัปดาห์ และอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้
- แผลเฮอร์ปิติฟอร์ม เป็นแผลที่พบได้ยาก ขนาดเล็กแต่มีจำนวนมาก อาจเกิดขึ้นตั้งแต่ 10-100 จุด หรืออาจรวมกันเป็นแผลใหญ่แผลเดียว แต่ทั้งนี้สามารถหายได้ใน 1-2 สัปดาห์โดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้
วิธีดูแลช่องปากเมื่อมีแผล
- ดื่มน้ำสะอาดให้มากขึ้น อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
- ทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเน้นวิตามิน B และ C เช่น ส้ม แอปเปิ้ล ไข่แดง ถั่วเหลือง
- หลีกเลี่ยงการทานของแข็งและอาหารเผ็ดร้อน เพื่อป้องกันแผลอักเสบเพิ่มขึ้น
- ควรใช้น้ำเกลือบ้วนปาก วันละ 2-3 ครั้ง หรือน้ำอุ่นผสมเบกกิ้งโซดา
- อมน้ำแข็งก้อนเล็ก หรือดื่มน้ำเย็นเพื่อบรรเทาอาการปวด
- หมั่นทายาบริเวณแผลเป็นประจำ
- รักษาด้วยสมุนไพร เช่น ชาคาโมมายล์ มดยอบ และรากชะเอมเทศ
- รับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล
วิธีป้องกันการเกิดแผลในปาก
เราสามารถลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดแผลในปากได้โดยการ
- ทำความสะอาดช่องปากเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือทุกครั้งหลังมื้ออาหาร
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะวิตามิน B และ C
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
- หลีกเลี่ยงอาหารร้อนจัดหรือรสจัด
- ระมัดระวังการเคี้ยวอาหาร
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ทำกิจกรรมทำแก้เครียด
- พบหมอฟันเด็กเป็นประจำทุก 6 เดือน
หวังว่าข้อมูลที่เราหามาให้จะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ที่หาทางรักษาแผลในปากให้ลูกน้อยกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หากท่านใดมีข้อสงสัยหรือต้องการขอรับบริการจากหมอฟันเด็กผู้เชี่ยวชาญ ทางเรา Homey Dental Clinic ยินดีให้คำปรึกษาและบริการด้วยใจ เพื่อให้ท่านและบุตรหลานของท่านรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่ได้ใช้บริการจากเรา ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ทุกคนมีความรู้ความเข้าใจและดูแลสุขภาพฟันของตัวเองมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ
บทความที่น่าสนใจ
- แปรงซอกฟัน: แปรงสำหรับคนจัดฟันที่ช่วยให้ช่องปากสะอาดขึ้น
- เหงือกบวม: ภัยร้ายที่ทำลายสุขภาพฟันของลูกน้อย
- เสริมสร้างความมั่นใจให้รอยยิ้มลูกน้อยด้วยการตัดเหงือก
ปรึกษา นัดหมาย หรือสอบถามเพิ่มเติม
คลินิกทันตกรรม Homey Dental Clinic เป็นคลินิกที่มีบริการการดูแลฟันและสุขภาพเหงือกอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการทำฟันแบบป้องกัน เช่น เคลือบฟลูออไรด์ อุดฟัน ขูดหินปูน ขัดฟัน การทำฟันแบบรักษา เช่น ถอนฟัน รักษารากฟัน ฟันเทียม ฟันปลอม ผ่าฟันคุด และการทำฟันเพื่อความงามเช่น จัดฟันโลหะ จัดฟันดามอน จัดฟันแบบใส (invisalign) ทำรีเทนเนอร์ การฟอกสีฟันด้วย Zoom ทุกเคสดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้ยังเป็นคลินิกเฉพาะทางด้านการดูแลสุขภาพฟันเด็กโดยมีทันตแพทย์เด็กที่จบมาโดยเฉพาะถึง 8 ท่าน ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาเด็กกลัวหมอฟัน เพราะที่นี่เน้นการดูแลเด็กอย่างเป็นมิตร บรรยากาศเหมือนอยู่ที่บ้าน ทำให้เด็กสามารถมาหาหมอฟันอย่างมีความสุข เปิดประสบการณ์ใหม่ให้เด็กไม่กลัวการรักษาฟัน